ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อกเกอร์...ผญาอีสานพาเพลินเจริญอุรา จัดทำโดย นางสาวประกายดาว ล้วนชา นิสิตสาขาสังคมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ผญาสุภาษิต

ผญาสุภาษิต

เฮือนใด ยามกินข้าว     พาเดียวเป็นหมู่
คำฮักยังซ่างตู้ม     กันไว้หมื่นอะสง
คำฮักยังซ่างตู้ม หมายถึง ความรักเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ตู้ม หมายถึง รวมกัน
หมื่นอะสง หมายถึง หมื่นอะสงไข
หมายความว่า สมาชิกภายในครอบครัวกินข้าวสำรับเดียว จะมีความรักความสามัคคีที่มั่นคง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อยู่ด้วยกันได้นานๆตลอดไป

ผมบ่หลายให้ตื่มซ้อง     พี่น้องบ่หลายให้ตื่มเสี่ยวตื่มเกลอ
ตื่ม หมายถึง เพิ่มเติม
ซ้อง หมายถึง ผมที่ตัดออกมาไว้ทำเป็นช้อง บางทีเป็นผมปลอม
เสี่ยว หมายถึง มิตรสหาย เพื่อนรัก เกลอ
หมายความว่า ผมไม่มากให้เพิ่มช้อง พี่น้องไม่มากให้เพิ่มมิตร กล่าวคือ คนเราอยู่โดดเดี่ยวไม่ได้ ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ต้องมีพรรคพวกมิตรสหายและต้องสร้างความผูกพัน ความรัก ความสามัคคีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจึงจะมีชีวิตที่สมบูรณ์

เฮ็ดกินอย่าคร้าน     เข้าบ้านอย่าอาย
เห็นคนตาย     อย่าขี้เดียด
เฮ็ด หมายถึง ทำ
คร้าน หมายถึง เกียจคร้าน
ขี้เดียด หมายถึง รังเกียจ
หมายความว่า ทำมาหากินอย่าเกียจคร้าน เข้าไปในหมู่บ้านอย่าขี้อาย กล้าพูดกล้าถาม เห็นคนตายอย่ารังเกียจ ให้ช่วยเหลือจัดการศพ

จันทร์ใสแจ้ง     ดวงเดียวบ่มีค่อง
บ่มีดาวแวดล้อม     จันทร์เจ้าก็บ่เฮือง
ใสแจ้ง หมายถึง ส่องสว่าง
บ่เฮือง หมายถึง ไม่เรืองแสง ไม่สว่าง
หมายความว่า ความสวยงาม ความมีเกียรติยศชื่อเสียงนั้น จะเด่นอยู่อย่างเดียวดายไม่ได้ จะต้องมีบริวารแวดล้อม จึงจะเด่นดังรุ่งเรืองอย่างแท้จริง เปรียบได้กับพระจันทร์ส่องแสงสว่างดวงเดียวไม่สวยงาม ไม่มีดวงดาวแวดล้อม พระจันทร์ก็จะไม่เรืองแสง

เฮือคาแก้ง     เกวียนเห็นให้เกวียนแก่
บาดว่าไปฮอดน้ำ     เฮือซิได้แก่เกวียน
เฮือ หมายถึง เรือ
แก้ง หมายถึง โขดหินใต้น้ำ เนินดิน บนบก
แก่ หมายถึง ลาก
บาดว่า หมายถึง แต่ว่า
ฮอด หมายถึง ถึง
หมายความว่า ต้องพึ่งพาอาศัยกัน โอกาสใดเป็นผู้มีโอกาสต้องช่วยเหลือผู้ขาดโอกาสต่างคนต่างมีความโอบอ้อมอารีต่อกัน บ้านเมืองจึงจะน่าอยู่และเจริญรุ่งเรืองต่อไป



ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสืออธิบายผญา ๑ (ฉบับปรับปรุงแก้ไข ๒๕๔๕) บอกลูกหลานเล่ม ๑๐

ผญาเบ็ดเตล็ด

ผญาเบ็ดเตล็ด

เว้าไปหลาย     มันยาวมันยืด
เปิดพุ่มไม้     ไปหน้าแหล่งหลาย

สิบปีล้ำซาวปีล้ำ     บ่เห็นกวางมายามมั่ง
เข้าขึ้นเล้า     จั่งเห็นเจ้าเทื่อเดียว

บุญบ่ให้     ย่อยไฮกะบ่ย่อน
บุญบ่ให้     แสนสิใกล้กะเล่าไกล

ไก่สามเดือนพอฆ่า     ม้าสามเดือนพอขี่
ควายสามปี     จั่งเฮ็ดนาได้กินข้าว

ฝนตกห่ง     ไหลลงแต่บ่อนต่ำ    
บ่อนสูงอยู่ใกล้ฟ้า     ฝนเท้งแล่นกลาย




ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือผญาห่อโคลง โดย ประมวล พิมพ์เสน

ผญาปริศนา

ผญาปริศนา

อัศจรรย์ใจโอ้     ข้าวสารอยู่ในโอยอคอตอดไก่
ไม้ไผ่อยู่ในกอ ยกคอตอดซ้าง     ปลาย่างอยู่ในหิ้งทะยานเต้นคุบแมว
โอ หมายถึง ขัน
ยอคอ หมายถึง ยกคอขึ้น
ตอด หมายถึง จิก กัด ปัก
เต้นคุบ หมายถึง กระโดนตะครุบ
หมายความว่า อัศจรรย์ใจจริงๆผู้ที่ไม่รู้จักสำรวจตัวเอง มักจะทำอะไรเกินตัวเสมอ มีความรู้ความสามารถน้อยก็อยากจะทำเช่นเดียวกับผู้ที่เขามีความรู้ความสามารถมากๆ โดยไม่นึกถึงว่างานจะได้รับผลกระทบอย่างไร อาจใช้แทนคำว่า เป็นไปไม่ได้ หรือถ้าเป็นไปได้ก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ

กวางกินหมากขามป้อม     ไปคาก้นขี้มั่ง
คันแม่นมั่งบ่ขี้     สามมื้อกระต่ายตาย
กระต่ายตายแล้ว     เหนอ้มกะเน่านำ
มั่ง หมายถึง ละมั่ง (สัตว์คล้ายกวาง)
เหนอ้ม หมายถึง อีเห็น
หมายความว่า ลูกหลานกระทำความผิดมีผลกระทบถึงพ่อแม่ ผู้ปกครอง ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาได้ไม่กี่วันก็จะเป็นปัญหากระทบไปถึงญาติพี่น้อง เดือดร้อนกันไปหมด อาจเปรียบเทียบได้กับวิกฤตทางเศรษฐกิจก็ได้

กอยมันฮ้าง     ฮามดินพลัดพราก
ข้าวกากลาจากเล้า      ควายเฒ่าหง่วมเหงา
กอย หมายถึง หัวกลอย (หัวมันชนิดหนึ่งคล้ายเผือก)
ฮ้าง หมายถึง ร้าง ทิ้งร้างไป
ฮาม หมายถึง เหินห่าง ข้ามไป
ข้าวกาก หมายถึง ข้าวเปลือก
เล้า หมายถึง ยุ้งฉาง
เหง่วมเหงา หมายถึง ซึมเศร้า
หมายความว่า สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้จะต้องพึ่งพาอาศัยกัน ต้องสามัคคีกัน เพราะทุกอย่างมีความสำคัญแก่กัน ขาดอันหนึ่งอันใดไปก็ขาดความสมดุล จะอยู่อย่างมั่นคงไม่ได้

สังพากันโตนลงห้วย     หาฮังแตนต่อ
สังบ่ขึ้นโคกกว้าง     หาซ้างค่าแพง
สัง หมายถึง ทำไม
โตน หมายถึง กระโจน
ฮัง หมายถึง รัง
โคก หมายถึง บริเวณที่มีป่าไม้มากๆ
หมายความว่า คนส่วนใหญ่มักทำอะไรง่ายๆ ทำไมไม่คิดทำอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่ๆโตๆเพื่อจะได้ผลประโยชน์มากๆจะไม่ดีกว่าหรือ หากิเลสใส่ตัวก็มีแต่จะเจ็บตัว น่าจะหาสิ่งที่มีค่ามากกว่านี้

เป็ดเป็นผู้ไข่     ไก่เป็นผู้ฟัก
ขี้กะดักกะเดือนเป็นผู้เลี้ยง     บุญซิได้แก่ไผ
ขี้กะดักกะเดือน หมายถึง ไส้เดือน
ไผ หมายถึง ใคร
หมายความว่า การทำคุณประโยชน์ต่อสังคม ล้วนแต่มีความสำคัญทัดเทียมกัน ไม่ว่าจะทำหน้าที่อะไร สอนให้รักในหน้าที่การงานของตนเอง ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เปรียบได้กับการที่เป็ดเป็นคนออกไข่ ไก่เป็นผู้ฟักไข่ ไส้เดือนเป็นคนเลี้ยง บุญย่อมตกได้แก่ทั้งเป็ด ไก่ และไส้เดือน



ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสืออธิบายผญา ๑ (ฉบับปรับปรุงแก้ไข ๒๕๔๕) บอกลูกหลานเล่ม ๑๐

ผญาไม่มีสัมผัส



ผญาไม่มีสัมผัส

น้องนี้แนวมาลาตั้ว     ดวงงามจับกิ่ง
ฝนบ่มาหยาดย้อย     บานได้กะเหี่ยวดาย


ว่าบ่มีเครือเกี้ยว     เซิงแพสังมาก่าน
ทางหลังแม่นก่านซู้     ทางหน้าแม่นก่านเมียบ้ออ้าย


ซาดที่เป็นมณีแก้ว     มหานิลลูกประเสริฐ
บ่มีคำฮ่อแก้ว     มณีนั้นกะบ่เฮือง


เก้าสิแจ้งสิบสิแจ้ง     อย่ามีเมฆมาบัง
อย่าได้มีลาหู     เบียดเบียนประจันทร์ได้


ไม้บ่ทันแทกด้าม     อย่าฟ้าวฮ่าวหวนตัด
เหลียวบ่ถึงภายลุน     สิเกิดมีเมื่อหน้า


เห็นว่าได้หน่วยแก้ว     อย่าประเอิบใจหลาย
ลางเทือฮงฮงใส     หน่ายดวงบ่มีฮู้


กินให้พิจารณ์ไว้     คะเนดูสามส่วน
นอนให้คิดสี่ด้าน     คะนิงแจ้งจั่งนอน


ซาดที่แนวนามบ้ง     เปื่อยโตกาสิตอด กินแหล่ว
เปี๋ยงบ่เฮ็ดจังม้อน     เอาใยหุ้มห่อโต


ยามเมื่อเป็นมันอ้อน     ไผกะซอนเสียมใส่
บาดเป็นมันอีโม้     ไผกะหิ้วกะต้ากาย




ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือผญาห่อโคลง โดย ประมวล พิมพ์เสน

บังคับสัมผัสของผญา



บังคับสัมผัสของผญา

คำผญา เป็นคำคม คำสุภาษิต คำเปรียบเทียบ เปรียบเปรย อุปมา อุปไมย บางครั้งอาจจะไม่มีสัมผัส บางครั้งอาจจะมีหลายสัมผัสได้เหมือนกับคำสุภาษิตทางภาคกลาง ไม่มีบังคับเอก โท เหมือนโคลงสุภาพ มีการแบ่งวรรคตอนคำประพันธ์ ดังนี้

วรรคเดียว  เรียก  ยาบ  เช่น  แหวนดีย้อนหัว หรือ นกเค้าท้วงตาแม่

2-3 วรรค  เรียก  โตงโตย  เช่น  ฮั้วหลายหลักจั่งหมั้น พี่น้องหลายซั้นจังดี, ไหมงามย้อนเส้นบาง นางงามย้อนคนส่า, ผู้ซายงามย้อนเฮ็ดนาได้กินข้าว

4-6 วรรค  เรียก  ผญา  เช่น  
กินให้พิจารณ์ไว้     คะเนดูสามส่วน
นอนให้คิดสี่ด้าน     คะนิงแจ้งจั่งนอน


ผญา 2 สัมผัส หรือ กลอน 5
หลูโตนตั้งแต่หม้อ     มีคอปากบ่ออก
หลูโตนหมากลิ้นไม้     มีลิ้นปากบ่เป็น


โตงโตย 2 สัมผัส กลอน 5
บ่อนอ่อนน้ำพัดแทง     บ่อนแข็งน้ำพัดเว้น


ผญาย่อย 2 สัมผัส กลอน 7
ไฟไหม้จั่งเห็นหน้าหนู     น้ำท่วมฮู้จั่งเห็นหน้าจิล่อ


ผญา 3 สัมผัส กลอน 5
ว่าบ่มีสองซ้อน     สังมาซอนเป็นซ่ำ
ว่าบ่มีแม่น้ำ     สังมาได้ลอยแพ


ผญา 4 สัมผัส
เจ้าผู้คีงบางส่วย     สวยรวยเสมอหล่อ
เป็นว่าพ่อเจ้าปั้น     หรืออินทร์นั้นแต่งมา


ผญามีบทเสริม 1 วรรค
น้องนี้แนวนามน้อย     หมากหอยนาหน้าต่ำ
แม่นสิตัดไม้ค้ำ     แม่นสิป้ำไม้ยู้     ซูขี้นกะบ่เถิง


ผญามีบทเสริม 2 วรรค
ยากแต่นำควายตู้     หลายโตดึงจ่อง
โตหนึ่งข้องเครือเขือง     โตหนึ่งเคืองเครือเป้า
คันอ้ายบ่ไล่เต้า     ควายน้องแม่นบ่ไป




ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือผญาห่อโคลง โดย ประมวล พิมพ์เสน

ผญาปรัชญา



ผญาปรัชญา

การงานนี้ อุปสรรคแสนหมู่ เกิดเป็น คนต้องสู้ อย่าถอยร่นหลีกหนี
แปลว่า เกิดเป็นคนต้องหนักเอาเบาสู้


บุญ บุญนี้บ่แหม่นของแบ่งได้ ปันแจกกันแหล่ว บ่อห่อน แยกออกได้ คือ ไม้ผ่ากลาง
คือจั่งเฮากินข้าว เฮากินเฮาอิ่ม บ่แหม่นไป อิ่มท้อง เขาพุ้นผู้บ่กิน
แปลว่า บุญ ผู้ใดสร้างผู้นั้นได้รับ ไม่สามารถแบ่งปันได้เหมือนสิ่งของ เหมือนข้าวผู้ใดกินผู้นันอิ่ม


ฝนตกยังฮู้เอื้อน นอนกลางคืนยังฮู้ตื่น ความทุกข์ ยังฮู้เตื้อง มี ขึ้นเมื่อลุน
แปลว่า ฝนตกยังซาได้ นอนหลับยังรู้ตื่น ความทุกข์ก็มีโอกาสกลายเป็นสุขในวันข้างหน้า (ถ้าพยายาม)


ตกกะเทินว่าได้เฮียนแล้ว สิเฮียนเหมิดสู่ซ่อง เฮียนให้ เผิ่นได้ย่อง เหมิดถ้วนคู่สู่แนว
แปลว่า มีโอกาสได้เรียนแล้วต้องเรียนให้รู้จริงทุกอย่าง


ตกกะเทินว่าได้สู้ บ่ถอยหลังให้เขาว่า นับแต่มื้อสิก้าว ไปหน้าบ่ถอย
แปลว่า เมื่อได้สู้แล้วไม่มีถอยให้ใครดูถูกได้


ให้เจ้าคอยเพียรสร้าง เสมอแตนแปงซ่อ ให้สร้างก่อสืบไว้ เสมอเผิ้งสืบฮัง
แปลว่า ให้ขยันสร้างตัวเหมือนผึ้งสร้างรัง




ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.baanmaha.com/คำผญา-ปรัชญาภาษาอีสาน/